ศิษย์สงสัยกับกูรูเพี้ยนโลกลืม นั่งมองใบไม้ร่วงแล้วร่วงอีก สายตาเคลื่อนไหวขึ้นลงพร้อมๆกับหัวที่พงกพร้อมๆกันไป
ศิษย์สงสัย : อาจารย์ว่าใบไม้ร่วงไปกี่ใบแล้ว ?
กูรูเพี้ยน : จะไปสนอะไรว่ามันกี่ใบ ไม่เห็นจะมีประโยชน์ สนแค่ว่าใบมีผลิ ก็ต้องมีเติบโต มีเติบโตก็ต้องมีร่วงโรย ทุกอย่างมัน คือ ธรรมชาติ เข้าใจมันสะไอ้หนุ่ม......
ศิษย์สงสัย : นั่นนะดิจาน ผมก็ไม่รู้จะเสียเวลากับเรื่องแบบนั้นไปทำไม
กูรูเพี้ยน : บางทีเราไม่ต้องรู้เรื่องก็ได้ บางทีรู้มากก็ไม่กล้า พอไม่กล้างานไม่เกิด รู้สักนิดแล้วลงมือทำ เห็นสำเร็จมาหลายแล้ว
ศิษย์สงสัย : ...........(คิด)
ศิษย์สงสัย : จานผมมีคำถาม?
กูรูเพี้ยน : ว่ามาอย่าอ้อมค้อม
ศิษย์สงสัย : จานว่าความสำเร็จมันเกิดจากไร?
กูรูเพี้ยน : กว้างไปไอ้หนุ่ม จานเริ่มต้นไม่ถูก
ศิษย์สงสัย : ความสำเร็จเนี่ย จานว่ามันขึ้นอยู่ที่เรา จริงมะ?
กูรูเพี้ยน : จริง แล้วไงอย่าอ้อมดิ จานเดินขาลากแว้วววววว
ศิษย์สงสัย : ตามความคิดจาน เรื่องตัวเองกับความสำเร็จ ประเด็นไหนจานมองว่าสำคัญที่สุด
กูรูเพี้ยน : ถามได้ดี เอาละนั้นตั้งใจฟังดีๆ แล้วนึกภาพตาม โอมมมมมมมมมม....
ศิษย์สงสัย : จานไม่ต้องร่ายมนต์ผมก็จำเป็นต้องเชื่อจานครับ
กูรูเพี้ยน : คืองี้นะ ให้นายนึกถึงหนังยาง หรือ หนังสติ๊กนะ
ศิษย์สงสัย : ครับนึกออกแต่ก่อนเอาไว้ล่ากระปอม(กิ้งก่า)บ่อยๆ
กูรูเพี้ยน : ให้นายนึกถึงว่าหนังกระติ๊ก มันยิ่งดึงให้ยืดเท่าไหร่ตอนปล่อยมันยิ่งแรงเท่านั้น
ว่าแล้วกูรูเพี้ยนก็ใช้ความชำนาญดึงหนังกระติ๊กและปล่อย 2 ครั้งด้วยความรวดเร็ว หนังกระติ๊กกระแทกเข้าที่หน้าพากศิษย์สองครั้งติด
ศิษย์สงสัยไม่ทันตั้งตัวถึงกับหงายเงิบน้ำตาแตก
ศิษย์สงสัย : จานนนนนน ผมเจ็บนะ
กูรูเพี้ยน : ครั้งไหนเจ็บกว่ากัน
กูรูเพี้ยนถามด้วยสีหน้าอันราบเรียบ
ศิษย์สงสัย : อูย....เจ็บๆๆๆ ผมว่าครั้งที่สองครับจาน แสบไปถึงทรวงงงงงง
กูรูเพี้ยน : ก็เพราะครั้งที่ 2 จานดึงหนังกระติ๊ก ยืดยาวกว่าครั้งแรกไง ครั้งที่สองถึงเจ็บกว่า
ศิษย์สงสัย : จานจะสอนไรผมอีกเนี๊ย?
กูรูเพี้ยน : จานกำลังจะบอกว่า ความสำเร็จของคนแต่ละคนมันเป็นเช่นนี้ละ.....
ศิษย์สงสัย : เช่นไหนจาน?
มือศิษย์ยังกุมหัวที่ออกอาการแดงอย่างเห็นได้ชัด
กูรูเพี้ยน : ฟังดีๆนะ คนเราถ้าอยากสำเร็จต้องรู้จักพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง การพัฒนา คือ การยกระดับ หรือ การอัพเกรด ขอใช้ภาษาบะกฤษยกระดับตัวเองสู่อาเซียน อิๆๆๆ ว่ากันต่อว่า ให้นายลองสังเกตนะว่ารูปแบบความสำเร็จของคนที่วำเร็จ ส่วนใหญ่เมื่อพัฒนาตนเองถึงขั้นต่างๆ ย่อมจะเป็นแรงส่งไปสู่ขั้นถัดไป เสมือนว่าแต่ละขั้นมีแรงเหวี่ยงที่มองไม่เห็น หรือ เปรียบชัดๆเหมือนหนังกะติ๊กที่จานดีดไปแป๊ะที่หัวนายเบาๆนั้นละ ยิ่งยืดมากเท่าไหร่ยิ่งมีแรงเหวี่ยงมากเท่านั้น
ศิษย์สงสัย : ว้าวววววจาน จานคิดได้ไงเนี่ย มันก็จริงอย่างจานว่านะ...แต่เอ...ช่วงแรกกว่าจะสำเร็จมันออกจะยากนิดหนึ่ง
กูรูเพี้ยน : เป็นธรรมดาของทุกสิ่ง เราเริ่มทำอะไรสักอย่างโดยเฉพาะเรื่องใหม่ๆ มันดูยากเพราะเราแค่ไม่รู้ แต่ถ้าเปิดใจกว้างๆเรียนรู้เยอะๆ เรื่องต่างๆที่เจอก็เป็นเรื่องง่ายได้ จริงไม?
ศิษย์สงสัย : อืม.....จริงจาน
กูรูเพี้ยน : ย้ำให้เข้าหัวเหมือนความเจ็บจากหนังกระติ๊กว่า อยากสำเร็จต้องรู้จักพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างแรงเหวี่ยงความสำเร็จให้มีมากขึ้นๆๆๆๆ จนพอที่จะทำให้เราสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง ขึ้นแล้วไม่มีลงแน่นอน
ศิษย์สงสัย : เจ็บนี้สุดคุ้ม ได้ไรมากมาย ขอบคุณมากมายครับจาน
ว่าแล้วศิษย์สงสัยก็ขอลาจานไปกวาดลานที่เต็มไปด้วยใบไม้ ปล่อยให้จานนั่งมองใบไม้ร่วงต่อไป
ฉุกคิดสะกิดปัญญาสู่ creativeMLM
จากบทสนทนาข้างต้นระหว่างกูรูเพี้ยนกับศิษย์สงสัย เราฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ เกี่ยวกับเรื่องของความสำเร็จในการทำธุรกิจเครือข่ายขายตรง ข้อสังเกตที่น่าสนใจ คือ ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ต่อยอดหรือเหวี่ยงมาจากความสำเร็จเล็กๆที่มีต่อเนื่องกัน โดยเกิดจากผู้สำเร็จตระหนักดีว่า ความสำเร็จเกิดจากการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เช่น ช่วงแรกของการทำขายตรงอาจจะดูยากแต่เราเองต้องมีการเรียนรู้ให้มาก เพื่อจะทำเรื่องยากเป็นเรื่องง่าย หากผ่านช่วงฝึกงานของขายตรงไปได้อย่างน้อย 3-6 เดือน จะปรากฎความสำเร็จเล็กๆขึ้น อาจเป็นจำนวนเงินไม่มากแต่ก็พอที่จะใช้สิ่งเหล่านี้มาต่อยอดไปสู่ความสำเร็จในขั้นต่อไป จนส่งแรงไปถึงความสำเร็จขั้นสูงสุดที่เราตั้งไว้
หากมองเชิงธุรกิจในแง่ของเงินทุกต่อยอด เราจะเคยได้ยินว่า เอาเงินพันไปแลกเงินหมื่น เงินหมื่นไปแลกเงินแสน เงินแสนไปแลกเงินล้าน นี้คือการฉายภาพให้เห็นชัเขึ้นเรื่องของการต่อยอดหรือสร้างแรงเหวี่ยงของความสำเร็จใหเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องได้ หากท่านใดที่ไม่เคยจะเรียนรู้ต่อยอดสู่ความสำเร็จแบบต่อเนื่อง ก็อย่าไปฝันถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่เลยครับ ไม่มีทางแน่นอน
เขียนโดย
ภาสกร ผุยพงษ์
รองกรรมการผู้จัดการบจก.ริชไทมเน็ตเวิร์ค